วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ผมเปียน่ารักกก...

ทำได้เองง่ายๆเลย..เอาไปเป็นแบบได้จร้า


แบบที่1.งามแต้


แบบที่2. แบบนี้ก้น่ารักไม่แพ้กัน

แบบที่3. ง่ายนิดเดียวทำเองก้อได้นะ

ยังไงก้อลองไปทำดูนะจ๊ะ...^^

วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สำหรับเพื่อนๆที่อยากทำสีผมหรือทำไปแล้ว อ่านจร้า..


Tips & Trick : สำหรับสาวๆ ที่กำลังจะตัดสินใจทำสีผม หรือว่าคนที่ทำสีผมแล้ว เรามีวิธีดูแลสีผมให้สวยด้วยวิธีนี้ค่ะ

  • การรักษาสีผม เราไม่ควรให้ผมโดนความร้อนมากหรือนานเกินไปค่ะ เวลาที่ไดร์ผมเพื่อให้ผมแห้งโดยไม่จัดทรง เราใช้แค่ลมเย็นจากเครื่องเป่าผมก็พอค่ะ
  • แสงแดด คลอรีน และน้ำเกลือ นั้นมีส่วนทำให้สีผมเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ เพราะฉะนั้นก่อนที่สาวๆ จะเล่นน้ำทะเล หรือว่ายน้ำในสระ ควรใช้ suntan ที่มีค่า SPF สูงๆ ผสมกับลีฟออนคอนดิชั่นเนอร์ ลูบให้ทั่วเส้นผมก่อนนะคะ
  • ในช่วงที่เราทำสีผม ควรเลือกแชมพูสำหรับผมทำสีโดยเฉพาะค่ะ เพราะจะช่วยรักษาเม็ดสีที่เคลือบอยู่บนผม บางคนเลือกใช้แชมพูสำหรับผมเสีย จริงๆ แล้วอาจไม่ช่วยรักษาสีผมให้เงางามนะคะ ถ้ากลัวว่าผมแห้งเสียจากการทำสี ต้องใช้การบำรุงผมเพิ่ม นอกเหนือจากการใช้แชมพูเพื่อผมทำสีค่ะ

เทคนิคการแต่งตาสีชมพู...แบบหวานอมเปรี้ยว


สีสันแห่งดวงตาที่จะเปลี่ยนลุคของคุณให้แตกต่างออกไปได้ในเพียงพริบ ตา ไม่ว่าจะเป็นสาวหวาน สาวเปรี้ยว หรือสาวเซอร์ หรือจะเลือกแต่งสีสันที่เหมาะกับบุคลิก ก็เลือกได้ตามต้องการเช่นกัน คราวนี้เรามาแอบเปรี้ยวในความหวานกัน



สีชมพู...หวานอมเปรี้ยว

นี่ก็เป็นอีกสีหนึ่งที่คนมักคิดถึงแต่การใช้กับเรียวปากหรือพวงแก้ม ที่จริงสีชมพูก็แต่งตาได้สวยเช่นกัน แต่อย่าเลือกเฉดที่ชมพูเกินไป เพราะอาจทำให้ตาขาวดูแดงขึ้นมาได้ เฉดสีชมพูอมน้ำตาล หรือใช้สีน้ำตาลทาเป็นสีรองพื้นก่อนทาสีชมพูทับ เป็นเฉดสีที่ดูดีสำหรับแทบทุกคน

TIP : เวลาทาสีชมพูที่ขอบตาล่าง ให้ทาสีจากหางตาเข้ามาแค่กึ่งกลางตา อย่าทาเลยมายังหัวตา ไม่อย่างนั้นอาจทำให้ตาดูแดงได้ง่าย อีกเทคนิคหนึ่งในการแก้ก็คือ การใช้ดินสอสีขาวหรือสีเนื้อเขียนที่ขอบตาล่างด้านในก่อนทาอายแชโดว์สีชมพู สีขาวจะทำให้ตาดูกระจ่างสดใสและตาขาวดูขาวขึ้นด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

มาแล้วสำหรับเคล็ดลับที่มำให้ผิวขาว..


1. การขัดผิว (Exfoliating) หมายถึง การขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิวหน้า รากศัพท์ของมันมาจากคำว่า "foliage" ซึ่งแปลว่าใบพืช เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า อิพิเดอร์มิส (Epidermis) หรือผิวชั้นนอกเกิดขึ้นมาโดยผ่านกระบวนการสร้างจนมาเติบโตเต็มที่อยู่ชั้นบนสุดของผิวหนัง โดยเซลล์ที่ อยู่ล่างสุดของชั้นนี้ที่เรียกว่า เซลล์แรกเริ่ม (Basal Cells) จะสร้างเซลล์ลูกซึ่งจะเคลื่อนตัวขึ้นไปจนกลายเป็นผิวชั้นนอก เซลล์เหล่านี้มีหน้าที่เป็นตัวกั้นระหว่างร่างกายเรากับสิ่งแวดล้อมภายนอก ทั้งยังช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้นภายในและป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้าสู่ผิว หลังจากเซลล์ใหม่ที่แข็งแรงกว่า อยู่ประจำที่บนชั้นผิวหนังแล้ว เซลล์ผิวเก่าก็จะหลุดลอกออกโดยธรรมชาติ หากยังตกค้างอยู่บนผิวก็จะทำให้ผิวดูไม่มีชีวิตชีวา และดูเป็นสะเก็ด การขัดหน้าจึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการกำจัดเซลล์เก่าที่บดบังความสดใสนั่นเอง

2. ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับการขัดผิว ก็ได้แก่ ฟองน้ำขัดรูปแบบต่างๆ เช่น ใยบวบ หรือครีม เช่น เอเอชเอ แม้กระทั่งผ้าเช็ดตัวก็สามารถใช้ขัดผิวได้ การขัดผิวอย่างนุ่มนวลจะช่วยให้ผิวของคุณดูชุ่มชื่นและใสกระจ่าง

3. ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิวด้วยวิธีรุนแรง และหากขัดมากเกินไป ก็อาจรบกวนหน้าที่ในการสกัดกั้นสิ่งแปลกปลอมของผิว รวมถึงทำให้ผิวอ่อนไหวมากขึ้นจนเกิดความแห้งกร้าน ไหม้แดด หรือปัญหาอื่นๆ ได้ง่าย

4. ถ้าไม่กำจัดออกไป ผิวจะเกิดการอุดตันและหายใจไม่ได้ ผลก็คือ ผิวจะหม่นหมอง ดูแล้วมีความมัน หรือบางทีอาจทำให้เกิดสิวอุดตัน รวมทั้งทำให้กระบวนการไหลเวียนของโลหิตใต้ผิวไม่ดี ทำให้ของเสียเกิดการสะสมตัว

5. ถ้าต้องการขัดผิวหน้า ก็ควรทำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง และขัดผิวกายเดือนละ 1-2 ครั้ง แต่ถ้าใครมีเซลลูไลท์ แนะนำให้ขัดผิวบริเวณส่วนนั้นทุกวัน โดยใช้ถุงมือผ้าที่ใช้สำหรับอาบน้ำนวดขัด เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และกำจัดของเสียออกทางระบบน้ำเหลือง

6. วิธีการขัดผิวที่ถูกต้อง สิ่งที่ต้องมีคือ ฟองน้ำสำหรับขัดผิวกาย ถุงมือผ้า อาบน้ำหรือใยบวบ และผลิตภัณฑ์ขัดผิว เลือกให้เหมาะกับสภาพผิว ถ้าไม่แน่ใจลองปรึกษาคนขาย

7. เริ่มต้นที่ทำผิวเปียก นำผลิตภัณฑ์ขัดผิวเทใส่ใยบวบ ฟองน้ำ หรือถุงมือ แล้วทาลงบนผิวเบาๆ นวดผลิตภัณฑ์บนผิวด้วยการวนมือเป็นลักษณะวงกลมเบาๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นระบบไหลเวียน ใช้น้ำล้างออกให้สะอาด ซับให้แห้ง แล้วทาครีมบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นในขณะที่ผิวยังชื้น

8. ผลิตภัณฑ์สำหรับขัดผิวควรเลือกที่เป็นครีมหรือเจล เนื้อครีมควรมีลักษณะเป็น เม็ดกลม เพื่อปกป้องผิวจากการระคายเคือง หรือเป็นแผลถลอก ขณะที่ขัดนวดผิวบริเวณนั้นควรมีความชื้นพอหมาด แล้วล้างออกด้วยน้ำมากๆ

9. ใยบวบ หรือใยขัดธรรมชาติ เป็นอุปกรณ์ขัดผิวที่มีประสิทธิภาพมาก แต่ถ้าออกแรงขัดมากเกินไป อาจทำให้แสบผิวได้ เพราะใยเหล่านี้มีลักษณะสาก และหยาบ เวลาขัด จึงควรขัดเบาๆ ไปทั่วร่างกายขณะอาบน้ำ และเมื่อใช้เสร็จแล้วควรล้างทำความสะอาดและผึ่งให้แห้ง

10. การใช้ผ้าสำหรับถูตัว หรือฟองน้ำถูตัวเวลาอาบน้ำ ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งของการขัดผิว โดยใช้ร่วมกับสบู่ หรือเจลอาบน้ำก็ได้

11. เลียนแบบจากสปาชั้นนำ โดยการใส่น้ำให้เต็มอ่าง เติมเกลือเม็ดลงไป และเวลาที่ลงไปแช่ตัวอยู่ในอ่างให้ใช้เกลือ 1 กำมือ ขัดไปมาเบาๆ ให้ทั่วตัว และล้างตัวด้วยน้ำสะอาด

12. แปรงแปรงผิวสามารถใช้ได้ดี โดยขัดเบาๆ บนผิวที่แห้งก่อนอาบน้ำ เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดไป หรือจะใช้ในขณะอาบน้ำร่วมกับสบู่ หรือเจลอาบน้ำก็ได้

13. การปรนนิบัติผิวให้นุ่มนวลขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น ควรเริ่มด้วยการใช้น้ำมันนวดผิวก่อนอาบน้ำ จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนของการขัดผิว เพื่อช่วยปรนนิบัติ ผิวสะอาดหมดจด สวยเนียนสดใสไปอีกนานๆ

14. เราสามารถทำครีมขัดผิวใช้เอง โดยการใช้เกลือเม็ดเล็กๆ ผสมกับน้ำมันทาผิว (Baby Oil) หรือน้ำมันมะกอกทาทั่วตัวทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที นวดให้ทั่ว แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

15. สครับสำเร็จรูปมักมีลักษณะคล้ายๆ กัน คือมีบีด (bead) ซึ่งอาจทำจากเกลือ, น้ำตาล, อัลมอนด์ ฯลฯ ช่วยในการขัดผิว มีน้ำมันช่วยหล่อลื่นมีกลิ่นหอม อีกทั้งมีส่วนประกอบในการบำรุงผิวอีกหลายชนิด

16. เราสามารถทำสครับใช้เองง่ายๆ ด้วยการใช้ผักผลไม้ชนิดที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ในตัวเดียว คือมีผิวสัมผัสที่ให้ความหยาบเล็กน้อย แต่ต้องไม่ถึงกับให้ผิวระคายเคือง มีน้ำช่วยหล่อลื่นและมีวิตามินตรงกับความต้องการ

17. มะขามเปียก, สับปะรด มีเส้นใยช่วยขจัดขี้ไคล มีความเป็นกรด ช่วยทำความสะอาดผิว ทำให้ผิวขาวใส มีวิตามินซึ่งเป็นแอนติออกซิแดนท์สูง มะละกอมีเอนไซม์อ่อนๆ ช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้ว วิตามินสูง แต่เนื้อมีความละเอียดมาก มะนาวเป็นกรด เหมาะใช้กับผิวส่วนที่หยาบกร้าน เช่น ข้อศอก, ส้นเท้านุ่มขึ้น แตงกวาช่วยให้ผิวสดชื่น มะพร้าวขูดมีน้ำมันช่วยบำรุงผิว แต่ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้งมากต้องระวัง ลองใช้ส้มเช้งมีคุณสมบัติ คล้ายสองชนิดแรก แต่ไม่เป็นกรดมาก

18. ถ้าคุณเลือกส่วนผสมหลักที่มีความพร้อมในตัวเดียว เช่น มะขามเปียกก็สามารถ นำมาสครับได้เลย แต่ถ้าเลือกมะละกอก็ควรหาสิ่งที่เป็นบีดเพิ่มเข้าไปด้วย เพราะบีดช่วยเพิ่มความสากในสครับ ทำให้สามารถขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้ง่ายขึ้น

19. เพื่อความปลอดภัยควรเลือกสิ่งที่อยู่ในครัวเรือนและมีโอกาสแพ้น้อยที่สุด เช่นเกลือมีฤทธิ์ช่วยสมานผิว, ข้าวสารบดละเอียดช่วยให้ผิวขาว, น้ำตาลทรายมีทั้งความสากและความหนืดอยู่ในตัวเอง, งาเนื้อไม่หยาบเกินไป มีน้ำมันอยู่ในตัวช่วยลดความระคายเคือง และกาแฟกระตุ้นให้ร่างกายขับสารพิษ สิ่งที่ควรระวังคือบีดบางชนิดมีเหลี่ยมคม จึงต้องนำมาบดให้ละเอียดก่อนนอกจากนั้นอาจเพิ่มน้ำมันลงไปเพื่อช่วยลดการเสียดสี

20. ถ้าคุณมีผิวมัน ใช้มะขามเปียกหรือสับปะรดซึ่งมีความเป็นกรดช่วยขจัดความมันผสมกับเกลือ มีฤทธิ์ช่วยสมานผิว เติมโยเกิร์ตช่วยบำรุงผิวก็ได้

21. ถ้าคุณมีผิวแห้ง ใช้ส้มเช้งเป็นส่วนผสมหลัก...ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นแว่นพอจับถนัดมือ ใส่งาขาวเป็นตัวช่วยขัด เพิ่มน้ำมันมะกอกเล็กน้อยลดความระคายเคือง

22. ถ้าคุณมีผิวแพ้ง่าย ใช้แค่งาขาว, งาดำผสมน้ำผึ้งหรือโยเกิร์ตก็พอ

23. การใช้น้ำมัน จุดประสงค์สำคัญคือช่วยหล่อลื่น และเป็นตัวช่วยลดความเข้มข้นของกรดสำหรับคนผิวแห้งเช่น ถ้าคุณต้องการใช้สับปะรดขัดผิว แต่เกรงว่าผิวจะแห้ง เกินไป การเพิ่มส่วนผสมน้ำมันก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะนอกจากช่วยให้ลื่นแล้ว น้ำมันยังช่วยเคลือบผิวไม่ให้มีการสูญเสียน้ำมากเกินไป

24. การเพิ่มนม, โยเกิร์ต, น้ำผึ้ง หรืออื่นๆ ที่ช่วยบำรุงผิว สามารถทำได้ แต่ต้องดูไม่ให้สครับข้นหรือเหลวเกินไป ลักษณะของสครับที่ดีควรมีความหนืดเล็กน้อย จับตัว อยู่บนผิวได้ และสะดวกแก่การขัด

25. ใครที่ชอบความหอมรื่นรมย์ สามารถเสริมกลิ่นด้วยการหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบลงไป 2-3 หยด ซึ่งต้องเป็นน้ำมันหอมระเหยสำหรับนวดตัว ซึ่งมักผสมที่ความเข้มข้นประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่สำหรับใส่เตาเผาน้ำมันเพราะน้ำมันหอมระเหย เข้มข้นจะทำให้ผิวไหม้

26. คนที่มีโรคเกี่ยวกับต่อมน้ำเหลือง เช่น ต่อมน้ำเหลืองอักเสบรุนแรง, ต่อมน้ำเหลือง-โต, มีแผลเป็นหนอง หรือแม้แต่เป็นสิวอักเสบ ควรงดการสครับชั่วคราวจนกว่าจะหายเพราะการขัดเป็นการกระตุ้นให้อักเสบมากขึ้น

27. ถ้าจะสครับหน้าต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนที่สุด ขัดอย่างเบามือเพื่อกระตุ้นน้อยๆ เน้นไปที่ร่องจมูก เลี่ยงจุดที่บอบบางมากๆ เช่น รอบดวงตา


ลองทำดูนะจ๊ะ...

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

How to Make Thin Hair Look Thicker


  1. Get a blunt haircut. Thin hair always looks better kept no longer than shoulder length. Ends tend to look spindly longer than that and the weight of your hair will only make it look thinner. Get a good haircut from someone who knows how to work with thin hair. Bangs look good and can help frame the face. One trick to avoiding too blunt of a look is to take 1/4-inch strands of your bangs and twist. While holding hair in a twisted position cut up into ends about 1/8 inch. Move on to the next 1/4-inch strand and continue this process around all bangs. It will give a softer look to the face.

  2. Condition only the ends. No matter what hair care products you use and what those products claim, conditioner all over your head will weigh your hair down, making it look thinner.

  3. Blow-dry your hair upside down. Do this by bending over, then pointing the heat of your blow dryer at the roots of your hair. Don't use too hot of a heat setting as it will cause excess oil, another disaster to thin hair.



How to Care for Braids


  1. First make sure not to wash your braids more than once a week. When you do wash your braids, use a moisturizing shampoo. You can see my recommendations for products under TIPS at the bottom of this article. Don't forget to condition each time you shampoo. Wash gently, rinse, the condition. Make sure to rinse out all of the conditioner, because it will leave a film like residue on the hair if it isn't rinsed out completely.

  2. While hair is still damp, smooth a light layer of hair gel across each braid. Let it air dry because heat from the blow dryer can make it frizz. If you'd like a new look, braid your individual braids and let it dry like that. Then you can take it out and have curly braids.

  3. This step is probably the most important. Each night before bed, smooth a bit of hair serum on the braids. Pull them all back into a low ponytail and wrap it with a long, satin scarf. Satin will glide over braids, thus not causing frizz. Do each of these steps and I'm sure your braids will stay fresh for as long as possible.



How to Make Your Curly Hair Look Good


  1. These steps are for people with naturally curly hair. Drink lots of water and eat healthy foods like fruits and vegetables. Keeping your body hydrated and healthy will make hair and nails stronger and more luxurious.

  2. Don't wash curly hair every day! Seriously. I know you have heard it before, but it's true. Curly hair needs extra moisture to maintain that extra bounce and curl without becoming frizzy and unmanageable.

  3. Find a product that doesn't weigh hair down. Oftentimes gels or mousse can weigh hair down. There are specialty mousses specifically for curly hair that do a good job when not over applied. DON'T USE TOO MUCH PRODUCT!
    Curly hair goes flat with too much product.